วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ถูกคำนวณตัวชี้วัดและนิยามใหม่ว่าเป็น MSME คือเส้นเลือดฝอยหรือรากของเศรษฐกิจไทย ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ระบุชัดเจนว่าระหว่างปี 2562 SME มีมูลค่าสัดส่วนโดยประมาณ 35.3% ของ GDP รวมทั้งประเทศ และที่สำคัญไปกว่านั้นยังเกิดการจ้างของ SME มากกว่า 80% แต่ในขณะนี้ลมหายใจของพวกเค้ากำลังรวยริน ด้วยการขาดสภาพคล่องอย่างมากและขาดการเข้าถึงของสินเชื่อ
จากข้อเท็จจริงจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคธุรกิจรายใหญ่หรือเศรษฐกิจไทยเองต้องอาศัย SME ในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ถึงอย่างไรแล้วจากสถานการณ์โควิด19 ระลอกใหม่ที่มีมาตรการไม่เหมือนครั้งที่แล้วด้วยการล็อคดาวน์อย่างชัดเจน ดูมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นค่อนข้างมาก ถึงแม้รัฐฯ ออกมาตรการเยียวยาอย่าง “พักทรัพย์ พักหนี้” หรือ “สินเชื่อฟื้นฟู” ที่พอจะเป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ SME ได้
หากถึงคราวที่ SME ต้องล่มสลายจะเกิดผลกระทบอย่างเป็นโดมิโน่ต่อธุรกิจรายใหญ่ และสุดท้ายขยายเป็นวงกว้างไปสู่เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ดังนั้นรัฐฯ หรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องต้องรีบเร่งแก้ไขปัญหาเยียวยา ประคับประคอง SME ให้พวกเขาเหล่านั้นผ่านพ้นวิกฤตโควิด19 และฟื้นตัวโดยเร็วหลังสถาการณ์คลี่คลาย